Home

http://sao-bangkhen.blogspot.com .... เว็บสำหรับให้ข้อมูลข่าวสารสมาชิกในเขตบางเขน

Sunday, July 22, 2012

นางร้ายในละครไทย"..เรื่องที่ผู้ใหญ่พึงระวัง!

นางร้ายในละครไทย"..เรื่องที่ผู้ใหญ่พึงระวัง!

เรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป กรรมการผู้จัดการมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก
และนักวิจัยด้านศึกษาและพัฒนาการศึกษาเด็กปฐมวัย


     
เมื่อพูดถึง "นางร้าย" นับเป็นตัวละครที่สร้างสีสัน
และทำให้ละครไทยดูมีรสชาติมากขึ้น
เพราะมีความจัดจ้านทั้งในเรื่องการแสดงออกด้านอารมณ์ พฤติกรรม และคำพูด
ซึ่งมีอยู่หลายประเภท ไม่ว่าจะร้ายลึก ร้ายแว้ดๆ ร้ายแบบจอมตบ ร้ายยั่ว
หรือร้ายชนิดตลกเบาปัญญา แต่ไม่ว่าจะร้ายแบบไหน ก็ทำให้ผู้ชมคนดูคอยลุ้น
และสะใจกับจุดจบที่สมควรได้รับในตอนท้ายเรื่อง

     
แต่ในสายตาของใครอีกหลายคน กลับตำหนิไปที่บท "นางร้าย"
ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมทั้งความก้าวร้าว ชอบกรี๊ด เอาแต่ใจ หรือโกหกเก่ง
จนเป็นห่วงว่าเด็กและเยาวชนจะเลียนแบบ
ซึ่งเรื่องนี้ได้กลายเป็นประเด็นที่สังคมหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันระยะหนึ่งแล้ว
แต่ก็ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมจนคนทำงานด้านเด็กอย่าง
เรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป กรรมการผู้จัดการมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก
และนักวิจัยด้านศึกษาและพัฒนาการศึกษาเด็กปฐมวัย
ออกมาตอกย้ำด้วยความห่วงใย และอยากให้พ่อแม่
รวมถึงผู้ใหญ่ในสังคมตระหนักถึงบทนางร้ายที่อาจเป็นพิษต่อเด็กทั้งทางอารมณ์และพฤติกรรม

     
เรื่องนี้ เรืองศักดิ์ ให้ความเห็นผ่านทีมงาน Life & Family ว่า
ความร้ายของนางร้ายในแต่ละยุคมีความร้ายแตกต่างกันไป
แต่นางร้ายในยุคสมัยใหม่นี้ ครบรสของความร้ายกาจเลยทีเดียว
โดยเฉพาะเสียงที่แหลมสูง พฤติกรรมเหวี่ยงวีน ร้ายลึก
และชอบจับผู้ชายด้วยกลวิธีที่แยบยลขึ้น ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้
เด็กบางคนไม่สามารถแยกดีและไม่ดีออกจากกันได้
พ่อแม่ควรใส่ใจในเรื่องคุณธรรมและจริยธรรมให้มาก

      "
นางร้ายยุคไหนๆ ก็ร้ายทั้งนั้น เพราะเขาปั้นมาให้ร้าย
แต่นางร้ายสมัยนี้ครบรสของความร้ายเลย
ไม่ว่าจะเสียงที่โก่งคอกรี๊ดด้วยเดซิเบลสูงๆ แหลมๆ ทิ่มแทงแก้วหู
รวมไปถึงพฤติกรรมรุนแรงต่างๆ แต่แปลกที่คนดูหลายคนกลับชอบ ว่า แซบ สนุก
เพราะเป็นสีสันจัดจ้าน
แต่สำหรับผลที่จะเกิดตามมากับเด็กหากถูกปล่อยให้ดูนางร้ายบ่อยๆ
อาจไม่สนุกอย่างที่คิด"

      "
เช่น ถ้าลูกของคุณอยากได้ใคร่มีอะไรแล้วไม่ได้ดังใจก็วี้ด กรี๊ด
แพร่ด เหวี่ยง วีน อย่างตัวร้ายในละครบ้างคุณจะสนุกไหม
แล้วถ้าลูกของคุณวันๆ เอาแต่กรีดกราย ย้ายสะโพก ตามจับผู้ชาย
ไร้สาระไปวันๆ คุณจะมองว่าเป็นเรื่องสนุกไหม
สำหรับพ่อแม่ที่ให้ลูกดูละครแบบนี้ พึงยอมรับผลที่จะเกิดในภายหน้าเองนะ
เพราะคุณกำลังสร้างค่านิยมใหม่ให้ลูกแบบเนียนๆ
และอย่างชอบธรรมว่าความรุนแรง และเรื่องเพศเป็นเรื่องปกติ"



ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต


     
ทั้งนี้ เพื่อให้มองเห็นภาพถึงผลกระทบจากอิทธิพลของบทนางร้ายในละครที่มีต่อเด็กได้ชัดยิ่งขึ้น
คนทำงานด้านเด็กท่านนี้ได้ยก 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงมาฝากให้พ่อแม่
และผู้ใหญ่ในสังคมได้ตระหนักกันด้วย

      "
เคยเห็นมากับตาตอนลงไปเยี่ยมเด็กๆ ในต่างจังหวัด
เด็กบางคนอยู่อนุบาลเองนะ เริ่มจากเหตุการณ์ที่หนึ่ง มีเด็กหญิงแบ่งเป็น
2
พวก พวกที่หนึ่งเดินมาจากฝั่งซ้าย พวกหนึ่งเดินมาฝั่งขวา
แล้วมาประชันหน้ากันโดยมีเด็กผู้ชายยืนกลาง พวกซ้ายนี่เป็นพวกของภรรยารอง
ทำหน้าถมึงทึงใส่อีกพวกหนึ่งซึ่งเป็นภรรยาเอก แล้วบอกพวกของตนว่า
ตบมันเลย ฆ่ามันเลย มันแย่งสามีฉัน แล้วทำท่าทางปรี่เข้าไปตบตี นี่คือ
บทบาทสมมุติที่เด็ก ๆ เขาเล่นกัน ซึ่งถามไถ่ได้ความว่า เอาอย่างละคร
ส่วนเหตุการณ์ที่สอง เกิดที่จังหวัดหนึ่ง มีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
ตอนครูเผลอๆ เจอเด็กผู้หญิงไม่ได้ จูงมือไปห้องน้ำขึ้นคร่อมจูบปากเลย
ถามไถ่ได้ความว่า เอาอย่างละครอีกเช่นกัน"
เรืองศักดิ์เล่าด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจกับภาพที่เห็น



พญ.พรรณพิมล วิปุลากร ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล


     
ถึงแม้ทุกวันนี้ นางร้ายในละครจะอยู่คู่กับละครไทย
และดูเหมือนจะหลีกไม่ได้ เลี่ยงไม่พ้น แต่บุคคลใกล้ตัว อย่างคุณพ่อคุณแม่
คือกลุ่มคนที่สำคัญ เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ในสังคมที่คนทำงานด้านเด็กท่านนี้
วอนขอว่า ควรลงมาชำเลืองมองถึงปัญหา และหาแนวทางป้องกันสื่อร้ายๆ
ที่เกิดขึ้นกันให้มาก พร้อมกับส่งเสริม และสร้างค่านิยมที่ดีๆ
ผ่านละครน้ำดีกันเสียที เพราะเท่าที่ผ่านมามีน้อยเหลือเกิน

      "
อย่าเอาความบันเทิงหยาบๆ ที่หาดูได้ง่าย
มาใส่ให้เด็กบันทึกลงในชีวิตทุกวันๆ เลย
เพราะเมื่อเด็กเห็นพฤติกรรมเหล่านี้บ่อยๆ เด็กก็รับ รับ รับไปเรื่อยๆ
เพราะตอนดูนั้น ตัวละครแสดงไปเรื่อยๆ
สีสันมันดึงให้อินจนไม่มีเวลาหยุดคิด พ่อแม่ควรพูดคุย
ชี้แนะและแลกเปลี่ยนความเห็นต่อพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของตัวละคร
อย่าเอาแต่จดจ่อรอสะใจ ที่ได้เห็นตัวละครตบตีกัน ถากถางกัน
หรือมองเป็นเรื่องขำๆ ซึ่งกรรมจะตกอยู่ที่เด็กเอาได้"
คนทำงานด้านเด็กวอนผู้ใหญ่ในสังคม

     
ในประเด็นเดียวกันนี้ พญ.พรรณพิมล วิปุลากร
ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล เน้นย้ำว่า แม้ว่าจะเป็นเรื่องเดิมๆ
ที่มีการพูดถึงมาตลอด แต่ทุกวันนี้ ความรุนแรงของสื่อ
และพฤติกรรมของตัวละครในโทรทัศน์ โดยเฉพาะนางร้ายหลายตัวที่ส่งเสียงกรี๊ด
และทำลายข้าวของให้เห็นอยู่บ่อยๆ อาจทำให้เด็กเลียนแบบ
และมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์จนติดเป็นลักษณะนิสัยประจำตัวได้ เช่น กรี๊ด
หรือขว้างปาข้าวของเมื่อไม่ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ เป็นต้น

      "
ครอบครัว คือ จุดเริ่มต้นสำคัญ หากไม่ป้องกัน
หรือยังปล่อยให้ลูกอยู่กับตัวละครดังกล่าว
อาจส่งผลต่อเสียต่อพฤติกรรมตามมาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กเล็ก
ส่วนตัวมองว่า ละครหลังข่าว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะให้เด็กดู
หรือถ้าปล่อยให้ดู แล้วบอกว่า สอน หรือบอกเด็กอยู่ตลอด
วิธีนี้ก็อาจช่วยได้ แต่มันซับซ้อนเกินกว่าที่เด็กจะเข้าใจ ดังนั้น
ผลเสียในระยะยาวที่เกิดจากการดูโทรทัศน์
เป็นสิ่งที่ไม่อาจย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้ แทนที่จะให้ลูกดูโทรทัศน์
หรือรอตัวช่วยจากผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง พ่อแม่ควรหากิจกรรม
หรืออ่านหนังสือให้ลูกฟัง" ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล สรุป

No comments:

Post a Comment