Home

http://sao-bangkhen.blogspot.com .... เว็บสำหรับให้ข้อมูลข่าวสารสมาชิกในเขตบางเขน

Sunday, July 22, 2012

ยายฆ่าหลาน : ความเสื่อมทรามอันซับซ้อนของสังคมไทย

ยายฆ่าหลาน : ความเสื่อมทรามอันซับซ้อนของสังคมไทย




 ปัญญาพลวัตร
      โดย...พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

      ผู้คนในสังคมคงรู้สึกตระหนกและสะเทือนใจ
เมื่อทราบความจริงเกี่ยวกับข่าวการฆาตกรรมของเด็กชายอายุ 13 ปี คนหนึ่ง
หลายคนคงคาดไม่ถึงว่าผู้ลงมือสังหารเด็กชายผู้นั้นคือยายของเขาเอง
เหตุใดยายแท้ๆ จึงลงมือฆ่าหลานที่ตนเองเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก
เรื่องนี้มิใช่เกี่ยวกับความใจร้ายของปัจเจกบุคคลผู้ลงมือเพียงอย่างเดียว
หากแต่เกี่ยวพันกับความเสื่อมทรามอันซับซ้อนของสังคมไทย

      ผู้เป็นยายให้การกับตำรวจในทำนองว่า
หลานเป็นเด็กเกเรชอบก่อเรื่องชกต่อยกับเพื่อนที่โรงเรียน ติดเกมออนไลน์
และมีพฤติกรรมมั่วสุมกับเพื่อนที่มีประวัติเสพยาเสพติด
เมื่อยายดุด่าว่ากล่าวก็จะทุบตีทำร้ายร่างกายยายเป็นประจำจนเกิดความเก็บกดและไม่อาจอดทนกับการเป็นผู้ถูกกระทำได้อีกต่อไป
ฟางเส้นสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อหลานขอเงินยายเพื่อไปเล่นเกม แต่ยายไม่ให้
หลานจึงใช้มีดข่มขู่จะฆ่ายาย แต่ในท้ายที่สุดยายก็ลงมือฆ่าหลานตนเอง

      เหตุผลในการฆ่าที่ยายให้แก่ตำรวจมีสองประการตือ
การสิ้นสุดความอดทนกับการถูกทำร้ายร่างกายโดยหลานอย่างยาวนาน
และเป็นการป้องกันไม่ให้หลานไปทำร้ายผู้อื่นในอนาคต
หากสิ่งที่ยายกล่าวเป็นความจริง
คำถามคือทำไมเด็กคนนี้จึงกลายสภาพเป็นเด็กที่นิยมใช้ความรุนแรง
และสามารถลงมือทำร้ายผู้มีพระคุณที่เลี้ยงดูตนเองมาตั้งแต่เล็ก
และทำไมยายจึงคิดว่าเด็กคนนี้จะกลายเป็นอาชญากรในอนาคต

      ผมคิดว่าสิ่งที่ทำให้เด็กคนนี้มีพฤติกรรมรุนแรงเกิดจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวเด็กและบริบทที่ห้อมล้อมเขา
เขากำพร้าบิดาตั้งแต่อายุประมาณสองขวบ ส่วนมารดาก็ไม่ได้ดูแลอย่างใกล้ชิด
ปล่อยให้ยายผู้มีประวัติว่าเคยสังหารสามีของตนเองมาก่อนเป็นผู้เลี้ยงดู
เหตุผลที่ยายสังหารสามีของตนเองในอดีตไม่กระจ่างชัด
แต่หากดูคำพิพากษาของศาลที่ระบุว่าเป็นการป้องกันตัว
ก็พออนุมานได้ว่ายายอาจถูกสามีของตนเองทำร้ายจนทนไม่ไหว
จึงยิงสามีของตนเอง
และดูเหมือนเหตุผลนี้เป็นเหตุผลเดียวกับที่สังหารหลานตนเอง

      เด็กผู้นี้จึงถูกเลี้ยงโดยยายผู้มีปมปัญหาเกี่ยวกับความรุนแรงที่ถูกกระทำจากอดีตสามี
และตนเองก็ตอบโต้การถูกกระทำของสามีด้วยความรุนแรงเช่นเดียวกัน
จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ยายจะซึมซับ
รับเอาความรุนแรงเข้าไปอยู่ในจิตของตนเองทั้งในระดับจิตสำนึกและจิตไร้สำนึก
และอาจจะเลี้ยงดูหลานด้วยความรุนแรงตั้งแต่วัยเยาว์จนถึงวัยรุ่น

      เด็กคนนี้คงมีโอกาสน้อยมากที่ได้รับการแสดงออกถึงความรักทางวาจาด้วยภาษาเชิงบวกที่ให้ความหวังและสร้างกำลังใจในการพัฒนาคุณธรรมและปัญญาจากคนผู้เป็นญาติผู้ใหญ่ของตนเอง
สิ่งที่เขาสัมผัสและรับรู้อยู่ทุกวันตั้งแต่เด็กอาจเป็นการดุด่าว่ากล่าวด้วยวาจา
ที่ใช้ภาษาหยาบคายและรุนแรง

      นอกจากความรุนแรงทางวาจาแล้ว
ยังมีความเป็นไปได้อีกว่าสมัยที่เขายังมีอายุน้อย
เขาอาจถูกกระทำด้วยความรุนแรงเชิงกายภาพ
การถูกทุบตีอาจเป็นเรื่องที่เขาสัมผัสอยู่เป็นประจำก็ได้

      เขาอาจไม่เคยได้รับการโอบกอดด้วยความรักและความเมตตาอย่างสม่ำเสมอจากแม่หรือยาย
เขาอาจไม่เคยได้รับการเล่านิทานดีๆที่มีเนื้อหาสนุกสนานและสอนคติธรรมยามจะเข้านอนก็เป็นได้
โลกรอบตัวเขาภายในครอบครัวจึงเปี่ยมไปด้วยกระแสพลังของความรุนแรง

      บริบทของความรุนแรงมิใช่ดำรงอยู่แต่เพียงภายในครอบครัวของตนเองเท่านั้น
แต่ยังดำรงอยู่ในอาณาบริเวณอันกว้างขวางภายในโลกทางสังคมของเขา
ทั้งในละแวกเพื่อนบ้าน เพื่อนในโรงเรียน หนัง ละคร และข่าวที่เขาดู
และเกมที่เขาเล่น เรียกได้ว่าทุกก้าวที่เขาย่างเดินเข้าไป
และทุกสิ่งที่เขาสัมผัสเปี่ยมไปด้วยกระแสแห่งความรุนแรง

      อันที่จริงหากเด็กมีความสัมพันธ์ภายในครอบครัวดี ได้รับความรัก
ความอบอุ่น และมีการกล่อมเกลาให้เรียนรู้คุณธรรมจากสมาชิกในครอบครัวอย่างต่อเนื่อง
ก็จะทำให้เด็กมีภูมิคุ้มกันพลังทางลบที่มาจากภายนอกไม่มากก็น้อย
แต่เด็กจำนวนมากรวมทั้งเด็กที่ถูกฆ่าโดยยายคนนี้คงไม่ได้รับโอกาสเช่นนั้น
ภูมิคุ้มกันของจิตใจจึงแทบจะไม่มี

      เด็กจำนวนมากในสังคมไทยมีชะตากรรมไม่แตกต่างจากเด็กที่ถูกยายฆ่าคนนี้
กล่าวคือแทนที่ครอบครัวจะเป็นแหล่งในการกล่อมเกลา อบรมเลี้ยงดู
ให้เด็กมีจิตใจดีงาม มีภูมิคุ้มกันต่อความรุนแรงจากภายนอกที่เข้ามากระทบ
ครอบครัวกลับเป็นแหล่งสร้าง บ่มเพาะ และสะสมความรุนแรงเสียเอง
เด็กตัวเล็กๆ ผู้ใดจะสามารถต้านทานพลังทางลบอันแข็งแกร่งที่เขาสัมผัสอยู่ทุกวันเช่นนี้ได้เล่า

      พลังด้านลบเหล่านี้คงซึมผ่านจิตสำนึกของเด็กผู้นี้อย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลายาวนาน
จนกระทั่งเข้าไปดำรงอยู่ในระดับจิตใจไร้สำนึกของเขา
ตัวเขาและความรุนแรงจึงกลายเป็นสิ่งเดียวกัน ในความคิดของเขา
พฤติกรรมรุนแรงที่แสดงออกมาจึงเป็นเรื่องปกติ
และเป็นสิ่งชอบธรรมที่เขาคิดว่ากระทำได้

      เมื่อโตขึ้นจึงไม่แปลกที่เขามีพฤติกรรมเกเรชอบชกต่อยกับผู้อื่นเป็นประจำ
จนโรงเรียนต้องเรียกยายไปพบ
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะใช้ความรุนแรงในการตอบโต้ผู้อื่นเมื่อตนเองถูกกระทำ
และก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมือในการข่มขู่หรือคุกคามผู้อื่นเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตนเองต้องการ

      ไม่แปลกอีกเช่นกันที่เขาจะติดเกมออนไลน์เพราะว่าเกมทำให้เขาอยู่ในอีกโลกหนึ่งที่เขาสามารถหนีจากโลกของความเป็นจริงอันไม่พึงปรารถนาไปสู่โลกแห่งความฝันซึ่งทำให้จิตของเขามีตัวตนขึ้นมา
เขากลายเป็นคนสำคัญ เป็นพระเอก เป็นผู้กำหนด เป็นผู้กระทำ
ภายในโลกจินตนาการของเกม

      ในไม่ช้าเขาก็คงจะติดยาเสพติด
หรือเข้าไปอยู่ในเครือข่ายของการค้ายาเสพติด
และในอนาคตก็อาจจะเป็นอาชญากรอย่างที่ผู้เป็นยายคาดเอาไว้

      เมื่อสังหารหลานชายของตนเองเสียชีวิตแล้ว
ดูเหมือนผู้เป็นยายจะไม่สำนึกเสียใจกับสิ่งที่ตนเองกระทำลงไป
กลับคิดว่าสิ่งที่ตนเองกระทำมีความชอบธรรม
ทำไปเพื่อป้องกันไม่ให้หลานไปทำร้ายผู้อื่นหรือทำร้ายสังคมได้ในอนาคต
สิ่งที่ยายคิดเกี่ยวกับอนาคตของหลานตนเองอาจจะถูก
แต่ยายคงลืมไปว่าตนเองก็มีส่วนสำคัญไม่น้อยในการสร้างตัวตนของหลานขึ้นมา

      สถานะของยายและหลานเป็นทั้งเหยื่อและผู้กระทำความรุนแรง
เป็นภาพสะท้อนพื้นผิวของปัญหาความรุนแรงในสังคมไทย
ทั้งยังเป็นอาการแสดงออกของความเจ็บป่วยทางจิตวิญญานของผู้คนที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักหน่วงในปัจจุบัน

      ผมคิดว่าความรุนแรงของสังคมไทยในปัจจุบันทั้งภายในครอบครัว ชุมชน
และสังคม เป็นภาพสะท้อนของความเสื่อมทรามของสังคมมีความซับซ้อนเกี่ยวพันกับปัจจัยจำนวนมาก
แต่ปัจจัยหลักๆ มีอย่างน้อยสี่ประการ

      ประการแรก
การถูกบีบคั้นทางสภาพเศรษฐกิจอันทำให้ผู้คนต้องแสวงหารายได้เพื่อความอยู่รอดโดยไม่คำนึงถึงวิธีการ
ผู้คนใช้เวลามากขึ้นในการประกอบอาชีพเพื่อหารายได้มายังชีพและเลี้ยงดูครอบครัว
ดังกรณีเด็กที่ถูกยายฆ่า
ผู้เป็นมารดาของเด็กคงออกไปประกอบอาชีพจนไม่มีเวลาในการเลี้ยงดูบุตรได้ด้วยตนเอง
เด็กคนใดที่ขาดความรักหรือมีความรู้สึกที่เจือจางต่อมารดา
เด็กผู้นั้นมีความเสี่ยงสูงที่จะมีพฤติกรรมรุนแรงหรือกระทำในสิ่งที่ถูกต้อง
แต่หากเด็กคนใดที่มีความรักแม่เป็นฐานของจิตใจ
และแม่เป็นแบบอย่างเชิงคุณธรรมของเขาแล้วด้วย
เขาจะมีภูมิคุ้มกันสูงมากในการต้านทานพลังทางลบทั้งหลาย

      ประการที่สอง
การถูกมอมเมาด้วยลัทธิบริโภคนิยมจนทำให้จิตใจคิดแต่เสพสุข
มุ่งตอบสนองความต้องการของตนเองโดยไม่สนใจกับการทำร้ายผู้อื่นและสังคม
บริบททางสังคมที่ห้อมล้อมเด็กเต็มไปด้วยสิ่งยั่วยุให้พวกเขาเกิดความต้องการที่เลยเถิด
ก่อเป็นความหมกมุ่นกับตนเอง และหลงใหลในสิ่งยั่วยวนเหล่านั้น
ทั้งในเรื่องการติดเกม การติดยาเสพติด
และการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยในสิ่งที่ไม่จำเป็น

      ประการที่สาม
การอ่อนแอของระบบความสัมพันธ์ทางสังคมทำให้การช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันระหว่างเพื่อนบ้านและระหว่างเพื่อนร่วมโรงเรียนลดลง
เด็กปัจจุบันไม่มีเพื่อนบ้านคอยช่วยดูแลเหมือนเด็กชนบทในอดีต
ในโรงเรียนก็มีความสัมพันธ์ที่ห่างเหินกับครูเพราะครูเองก็ต้องเอาตัวรอดจากการถูกบีบคั้นจากระบบการบริหารการศึกษาและภาวะเศรษฐกิจที่กดทับพวกเขาอยู่จนไม่มีเวลาดูแลเด็กเท่าที่ควร
ส่วนความสัมพันระหว่างเพื่อนก็มีแนวโน้มห่างเหินมีการชกต่อย
แข่งแย่งชิงดีกันประจำ
หรือไม่ก็มีความสัมพันธ์รวมกลุ่มกันในทางที่ถูกครอบงำด้วยค่านิยมที่ผิดๆ
จนกลายเป็นพฤติกรรมที่สร้างปัญหาแก่สังคมขึ้นมา

      ประการที่สี่
ความอ่อนแอของระบบการเมืองที่มุ่งเน้นการแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์
รวมทั้งสร้างค่านิยมแห่งความรุนแรง ละเมิดกฎหมายขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
จนกลายเป็นแบบอย่างให้เด็กและเยาวชนประพฤติตาม
ยอมรับการทุจริตและความรุนแรงเป็นเรื่องปกติ

      ยายฆ่าหลานจึงเป็นเพียงภาพสะท้อนอีกภาพหนึ่งในหลายๆภาพของความเสื่อมทรามอันซับซ้อนของสังคมไทย
และนับวันอาการปัญหาเหล่านี้จะปรากฎออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
ในรูปแบบที่แตกต่างกัน

      จนกว่าผู้คนในสังคมยอมรับความจริง เลิกหลอกลวงตัวเอง
และเริ่มต้นแก้ไขเปลี่ยนแปลง
ปฏิรูปสังคมทั้งระบบอย่างรอบด้านอย่างจริงจัง
เพื่อแก้ไขความเสื่อมทรามเหล่านี้
เราจึงจะมีความหวังในการรื้อฟื้นสังคมไทยอยู่บ้าง

No comments:

Post a Comment